"นักธุรกิจหนุ่มสายบุญ" หอบหลักฐาน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ. พงศ์จักร สภ.ปากเกร็ด หลังจากถูกผู้ที่อ้างตนว่าเป็นหมอ หลอกขายหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐาน สูญเงินกว่า 332,000 บาท
โดยมีนางสาว คุณนาสา เป็นตัวกลางในการส่งมอบสินค้าคืน เมื่อมีการเจรจาตกลงเป็นที่เรียบร้อยนางสาวคุณนาสา ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.มักกะสัน แต่เมื่อถึงวันและเวลาดังกล่าว นายมารุตม์ไม่ได้นำเงิน มาคืนให้ตามจำนวน ที่ได้ตกลงกันไว้ ทางผู้เสียหายเองได้พยายามโทรติดต่อผ่านตัวกลาง แต่นายวรุตม์เอง ก็ ไม่ตอบ และทำเมินเฉย โดยแจ้งว่า อยากจะทำอะไรก็ทำ ทางผู้เสียหายเอง พร้อมกับตัวกลาง นางสาวคุณนาสา จึงเดินทางมาแจ้งความ ที่สภ.ปากเกร็ด เพื่อ ดำเนินคดีกับนายมารุตม์ เมื่อพันตำรวจเอก พงศ์จักร หลังทราบเรื่องแล้วได้ติดต่อประสานงานกับนายมารุตม์ ให้ไปไกล่เกลี่ยเจรจากัน ในวันที่ 4 เมษายน 2563 เวลาประมาณช่วงบ่าย แต่ถ้าเกิดผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่มาตามนัดหมายก็ทำการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 หากไม่มา 2 ครั้งก็จะออกหมายจับ ต่อไป ทั้งนี้ทางทีมงานข่าวชัดประเด็นจริงได้ตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมอีกทั้งนายวรุตม์ เองยังขายสินค้าที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ทั้งยังเป็นการกักตุนสินค้าไว้เก็งกำไร จึงถามไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด
พ.ต.อ.พงศ์จักร กล่างว่า... ในกรณีดังกล่าวเป็นคดีอาญาหรือไม่แล้วผู้เสียหายกับผู้ที่ถูกกล่าวหางสามารถยอมความกันเองได้ไหมทางผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด บอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ผู้สื่อข่าวจึงอยากให้ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ไปทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และ ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฉวยโอกาส ในช่วงวิกฤตโควิด เกร็งกำไรสินค้าและการตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไรทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวทราบมาว่าบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นหมอโรงพยาบาลนั้นเป็นหมอจริง และยังเป็นลูกของเพื่อน ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองด้วย เกรงว่าคดีจะมีความคืบหน้าจึงได้แจ้งไปยังจเรตำรวจ พ.ต.อ.สรรค์พิสิฐ แย้มเกษรเพื่อให้ดูแลและกำชับติดตามคดีนี้เนื่องจากว่าคดีนี้เป็นคดีที่ ให้ความสนใจของพี่น้องประชาชนและเป็นคดีที่
ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ในการเก็งกำไรในช่วงวิกฤต ไวรัสโควิด เพราะผู้ที่กระทำผิดเป็นหมอที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
อ็อด อินทรีย์ ภาพ
ฮะ มังกร รายงาน